พิษจากปลาปักเป้าและการบำบัด Puffer Poisoning (Tetrodotoxin) and Therapeutic
+2
lagafia
/Charcoal/
6 posters
- /Charcoal/ผู้รวบรวมความจริง
- จำนวนข้อความ : 2222
ชื่อเสียง&น้ำใจ : 171
วันเกิด : 02/03/1920
พิษจากปลาปักเป้าและการบำบัด Puffer Poisoning (Tetrodotoxin) and Therapeutic
Fri Oct 07, 2011 1:47 am
ความจริงแล้วปลาปักเป้าบางพันธุ์สามารถนำมาประกอบอาหารได้ถ้ารู้จักวิธีคัดเลือกพันธุ์และรู้จักนำส่วนที่เป็นพิษออกเสียก่อนในทัศนะของชาวญี่ปุ่นแล้ว อาหารที่ปรุงจาก เนื้อปลาปักเป้าหรือที่เรียกกันว่าปลาฟูกุเป็นอาหารชั้นยอดต่อจานมีราคาสูงถึง 200 เหรียญสหรัฐฯ3 เลยทีเดียว ว่ากันว่าเนื้อปลามีรสชาติอร่อยเกินกว่าจะบรรยายได้ แต่ละปีชาวญี่ปุ่นบริโภคปลาชนิดนี้ถึง 20,000 ตันเลยทีเดียว3 (CHARLIE’S ANGELS) ก็มีตอนที่หัวหน้านางฟ้าเสี่ยงกินปลาฟูกุเพื่อแสดงความเก๋าให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น หัวใจของการปรุงฟูกุอยู่ที่พ่อครัวซึ่งจะต้องที่พิถีพิถันเตรียมและปรุงอย่างระมัดระวัง พ่อครัวฟูกุของญี่ปุ่นจะต้องผ่านการฝึกและทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจนได้ประกาศนียบัตรรับรอง ความสามารถในการปรุงฟูกุจากรัฐบาลจึงทำงานในครัวได้ ซึ่งแม้จะมีการควบคุมที่ดีแล้วก็ตามยังพบว่าแต่ละปีมีชาวญี่ปุ่นได้รับ พิษจากปลาปักเป้า 30-100 50 เสียชีวิต4,5 ส่วนในประเทศไทย เท่าที่มีรายงานพบปีละ 2-3 ..ศ. 2525 มาตรา4 ห้ามมิให้บุคคลใดนำสัตว์น้ำที่มีชีวิตบางชนิดที่ระบุไว้ในบัญชีแนบท้ายพระราชกฤษฎีกานี้เข้ามาใน ราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่" โดยระบุห้ามนำปลาปักเป้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามบัญชีแนบท้าย "ลำดับที่ 88 ปลาปักเป้าน้ำจืดและปลาทุกชนิด ในวงศ์ (Family Tetrodontidae) ลำดับที่ 89 ปลาปักเป้าหนามทุเรียนทุกชนิดในวงศ์ (Family Diodontidae)"
การตรวจวินิจฉัยและบำบัดผู้ได้รับพิษจากปลาปักเป้า
ประวัติ
อาการพิษปรากฎขึ้นหลังรับประทานเข้าไปภายใน 15 นาทีถึงเป็นชั่วโมง
อาการเริ่มแรกคือชาบริเวณริมฝีปากและลิ้น ต่อมาชาบริเวณใบหน้า และแขนขาและเป็นตะคริวในที่สุด
น้ำลายไหล คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการท้องเสียร่วมกับปวดท้อง ซึ่งอาการปวดท้องจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
กล้ามเนื้อเริ่มทำงานผิดปกติ อ่อนแรง เริ่มหายใจตื้น (ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง (CNS)และส่วนปลาย(PNS)) พูดลำบากมากขึ้น เรื่อย ๆ และจะเป็นอัมพาตภายใน 4 – 24 จากนั้นกล้ามเนื้อช่วยหายใจจะเป็นอัมพาต แต่ ยังพบ Deep tendon reflexes อยู่ ต่อมาหัวใจเริ่มทำงานผิดปกติ เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำร่วมกับการเต้นของหัวใจผิดปกติ ในผู้ป่วยที่ได้รับพิษมาก ระบบประสาทส่วนกลางจะไม่ทำงาน โคม่า และเกิดการชักขึ้น จะโคม่า ม่านตาไม่ตอบสนอง มีการหยุดหายใจ และไม่พบรีเฟล็กซ์ที่ก้านสมอง (ไม่พบ Deep tendon reflexes)
ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 4 – 6 ชั่วโมง ซึ่งพบว่ามักตายเนื่องจากกล้ามเนื้อช่วยหายใจไม่ทำงาน
การตรวจร่างกาย
พบว่าทั้งระบบรับสัญญาณประสาท (sensory system)และระบบสั่งการกล้ามเนื้อ (motor system)จากสมองไม่ทำงาน
พบอาการอัมพาตร่วมกับภาวะการหายใจถูกกด พบภาวะตัวเขียว (cyanosis)
ความดันโลหิตต่ำ ร่วมกับจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ควรทำการตรวจระดับอิเลคโตรไลต์ แคลเซียม แมกนีเซียม และ arterial blood gas เพื่อตัดประเด็นสงสัย กรณีที่เกิดอาการผิดปกติของระบบรับและส่งสัญญาณประสาทอาจเกิดจากสิ่งเหล่านี้ผิดปกติ
การตรวจหา TTX จากอาเจียนหรือน้ำล้างกระเพาะผู้ป่วยทำได้ลำบาก ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้
การตรวจภาพเอกซเรย์
ในผู้ป่วยที่ปรากฏอาการตัวเขียว หรือมีอาการขาดอากาศหายใจ ควรถ่ายเอกซเรย์หน้าอกเพื่อตัดประเด็นสงสัย กรณีที่อาจเกิดจากพยาธิสภาพของปอด เช่น ปอดบวมจากการสำลักอาหาร
ในผู้ป่วยที่ปรากฏอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง และ ปวดท้องรุนแรง ควรถ่ายเอกซเรย์ท่านอนหงาย และท่ายืน เพื่อตัดประเด็นสงสัย กรณีที่อาจเกิดจากลำไส้อุดตัน หรือทะลุ
ในผู้ป่วยที่ปรากฏอาการทางสมอง หรือมีอาการชัก ควรถ่ายเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT scan)
การดูแลก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital Care)
ให้การดูแลอย่างระมัดระวังตามหลัก ABOs ควรใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วย เพื่อให้ออกซิเจน และเพื่อป้องกันอันตรายจากการอาเจียน และกล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อนแรง รักษาอัตราการเต้นของหัวใจ โดยการให้สารน้ำอิเลคโตรไลต์ ยาขับปัสสาวะ และยาควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ในผู้ป่วยที่ได้รับพิษรุนแรง กล้ามเนื้อมักอ่อนแรงเป็นอัมพาต ทำให้พูดลำบาก หรือให้ประวัติไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยข้อมูลจากผู้อยู่ในเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมช่วย
การดูแลในห้องฉุกเฉิน (Emergency Department Care)
ให้การดูแลเหมือนการดูแลก่อนถึงโรงพยาบาล
ใส่ท่อทางจมูกหรือทางปากเข้ากระเพาะเพื่อล้างสารพิษออกมา ร่วมกับใช้ผงถ่านกัมมันต์ดูดซับพิษ
ดูแลสัญญาณชีวิต (vital signs) เช่นอัตราการเต้นของหัวใจ ชีพจร ความดันโลหิต อย่างระมัดระวังหากมีอาการไม่ดีให้การรักษาแบบรีบด่วนทันที
ดูแลการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตจนกว่าพิษจะถูกขจัดหมด
การดูแลหลังบำบัดฉุกเฉิน (Further Inpatient Care)
ผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากปลาปักเป้าหลังออกจากห้องฉุกเฉินแล้ว ควรดูแลต่อในห้อง ICU อาการผู้ป่วยจะดีขึ้นภายใน 6 หรืออย่างช้า 12 ชั่วโมง
การพยากรณ์โรค (Prognosis)
จากสถิติพบว่าแม้ให้การดูแลอย่างดี ผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากปลาปักเป้ามีอัตราตายสูงถึง 50 - 60 % การพยากรณ์โรคดีถ้าผู้ป่วยยังมีชีวิตรอดหลังได้รับพิษแล้ว 24 ชั่วโมง
ยาที่ใช้ในการบำบัด ยังไม่พบยาต้านพิษที่จำเพาะเจาะจง ปัจจุบันใช้วิธีรักษาตามอาการ
ผงถ่านกัมมันต์ (Activated charcoal) เพื่อดูดซับสารพิษ ควรให้ภายใน 30 นาทีหลังได้รับพิษ อาจให้ร่วมกับยาระบายเช่น 70 % Sorbital ก็ได้
ขนาดยาในผู้ใหญ่ : ให้ทางปาก 1 g / Kg ถ้าได้รับพิษมากอาจให้ซ้ำอีกครั้งได้ในขนาด 0.5 g / Kg
ขนาดยาในเด็ก : ให้ทางปาก 1 g / Kg ในเด็กน้อยกว่า 2 ปี หลีกเลี่ยงการให้ยาระบายด้วย
Neostigmine (Prostigmin) เพื่อยับยั้งการทำลายสารสื่อ Acetylcholine จาก Acetylcholinesterase ช่วยให้การนำกระแสประสาทผ่าน myoneural junction ได้
การตรวจทางนิติเวชศาสตร์
ในกรณีผู้ที่เสียชีวิตจากพิษปลาปักเป้า ซึ่งถือว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติ แพทย์นิติเวชจำเป็นต้องเก็บตัวอย่างชีววัตถุ เช่น อาหารในกระเพาะ อาเจียน ปัสสาวะ ตับ และไต เพื่อตรวจวิเคราะห์ TTX อาหารในกระเพาะเป็นชีววัตถุที่ดีสามารถตรวจได้ง่าย รองลงมาคือปัสสาวะ ส่วนวิธีวิเคราะห์ที่นิยมได้แก่วิธี mouse bioassay และ HPLC ซึ่งสามารถส่งตรวจได้ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ที่มา http://www.ifm.go.th
การตรวจวินิจฉัยและบำบัดผู้ได้รับพิษจากปลาปักเป้า
ประวัติ
อาการพิษปรากฎขึ้นหลังรับประทานเข้าไปภายใน 15 นาทีถึงเป็นชั่วโมง
อาการเริ่มแรกคือชาบริเวณริมฝีปากและลิ้น ต่อมาชาบริเวณใบหน้า และแขนขาและเป็นตะคริวในที่สุด
น้ำลายไหล คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการท้องเสียร่วมกับปวดท้อง ซึ่งอาการปวดท้องจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
กล้ามเนื้อเริ่มทำงานผิดปกติ อ่อนแรง เริ่มหายใจตื้น (ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง (CNS)และส่วนปลาย(PNS)) พูดลำบากมากขึ้น เรื่อย ๆ และจะเป็นอัมพาตภายใน 4 – 24 จากนั้นกล้ามเนื้อช่วยหายใจจะเป็นอัมพาต แต่ ยังพบ Deep tendon reflexes อยู่ ต่อมาหัวใจเริ่มทำงานผิดปกติ เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำร่วมกับการเต้นของหัวใจผิดปกติ ในผู้ป่วยที่ได้รับพิษมาก ระบบประสาทส่วนกลางจะไม่ทำงาน โคม่า และเกิดการชักขึ้น จะโคม่า ม่านตาไม่ตอบสนอง มีการหยุดหายใจ และไม่พบรีเฟล็กซ์ที่ก้านสมอง (ไม่พบ Deep tendon reflexes)
ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 4 – 6 ชั่วโมง ซึ่งพบว่ามักตายเนื่องจากกล้ามเนื้อช่วยหายใจไม่ทำงาน
การตรวจร่างกาย
พบว่าทั้งระบบรับสัญญาณประสาท (sensory system)และระบบสั่งการกล้ามเนื้อ (motor system)จากสมองไม่ทำงาน
พบอาการอัมพาตร่วมกับภาวะการหายใจถูกกด พบภาวะตัวเขียว (cyanosis)
ความดันโลหิตต่ำ ร่วมกับจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ควรทำการตรวจระดับอิเลคโตรไลต์ แคลเซียม แมกนีเซียม และ arterial blood gas เพื่อตัดประเด็นสงสัย กรณีที่เกิดอาการผิดปกติของระบบรับและส่งสัญญาณประสาทอาจเกิดจากสิ่งเหล่านี้ผิดปกติ
การตรวจหา TTX จากอาเจียนหรือน้ำล้างกระเพาะผู้ป่วยทำได้ลำบาก ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้
การตรวจภาพเอกซเรย์
ในผู้ป่วยที่ปรากฏอาการตัวเขียว หรือมีอาการขาดอากาศหายใจ ควรถ่ายเอกซเรย์หน้าอกเพื่อตัดประเด็นสงสัย กรณีที่อาจเกิดจากพยาธิสภาพของปอด เช่น ปอดบวมจากการสำลักอาหาร
ในผู้ป่วยที่ปรากฏอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง และ ปวดท้องรุนแรง ควรถ่ายเอกซเรย์ท่านอนหงาย และท่ายืน เพื่อตัดประเด็นสงสัย กรณีที่อาจเกิดจากลำไส้อุดตัน หรือทะลุ
ในผู้ป่วยที่ปรากฏอาการทางสมอง หรือมีอาการชัก ควรถ่ายเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT scan)
การดูแลก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital Care)
ให้การดูแลอย่างระมัดระวังตามหลัก ABOs ควรใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วย เพื่อให้ออกซิเจน และเพื่อป้องกันอันตรายจากการอาเจียน และกล้ามเนื้อช่วยหายใจอ่อนแรง รักษาอัตราการเต้นของหัวใจ โดยการให้สารน้ำอิเลคโตรไลต์ ยาขับปัสสาวะ และยาควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ในผู้ป่วยที่ได้รับพิษรุนแรง กล้ามเนื้อมักอ่อนแรงเป็นอัมพาต ทำให้พูดลำบาก หรือให้ประวัติไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยข้อมูลจากผู้อยู่ในเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมช่วย
การดูแลในห้องฉุกเฉิน (Emergency Department Care)
ให้การดูแลเหมือนการดูแลก่อนถึงโรงพยาบาล
ใส่ท่อทางจมูกหรือทางปากเข้ากระเพาะเพื่อล้างสารพิษออกมา ร่วมกับใช้ผงถ่านกัมมันต์ดูดซับพิษ
ดูแลสัญญาณชีวิต (vital signs) เช่นอัตราการเต้นของหัวใจ ชีพจร ความดันโลหิต อย่างระมัดระวังหากมีอาการไม่ดีให้การรักษาแบบรีบด่วนทันที
ดูแลการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตจนกว่าพิษจะถูกขจัดหมด
การดูแลหลังบำบัดฉุกเฉิน (Further Inpatient Care)
ผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากปลาปักเป้าหลังออกจากห้องฉุกเฉินแล้ว ควรดูแลต่อในห้อง ICU อาการผู้ป่วยจะดีขึ้นภายใน 6 หรืออย่างช้า 12 ชั่วโมง
การพยากรณ์โรค (Prognosis)
จากสถิติพบว่าแม้ให้การดูแลอย่างดี ผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากปลาปักเป้ามีอัตราตายสูงถึง 50 - 60 % การพยากรณ์โรคดีถ้าผู้ป่วยยังมีชีวิตรอดหลังได้รับพิษแล้ว 24 ชั่วโมง
ยาที่ใช้ในการบำบัด ยังไม่พบยาต้านพิษที่จำเพาะเจาะจง ปัจจุบันใช้วิธีรักษาตามอาการ
ผงถ่านกัมมันต์ (Activated charcoal) เพื่อดูดซับสารพิษ ควรให้ภายใน 30 นาทีหลังได้รับพิษ อาจให้ร่วมกับยาระบายเช่น 70 % Sorbital ก็ได้
ขนาดยาในผู้ใหญ่ : ให้ทางปาก 1 g / Kg ถ้าได้รับพิษมากอาจให้ซ้ำอีกครั้งได้ในขนาด 0.5 g / Kg
ขนาดยาในเด็ก : ให้ทางปาก 1 g / Kg ในเด็กน้อยกว่า 2 ปี หลีกเลี่ยงการให้ยาระบายด้วย
Neostigmine (Prostigmin) เพื่อยับยั้งการทำลายสารสื่อ Acetylcholine จาก Acetylcholinesterase ช่วยให้การนำกระแสประสาทผ่าน myoneural junction ได้
การตรวจทางนิติเวชศาสตร์
ในกรณีผู้ที่เสียชีวิตจากพิษปลาปักเป้า ซึ่งถือว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติ แพทย์นิติเวชจำเป็นต้องเก็บตัวอย่างชีววัตถุ เช่น อาหารในกระเพาะ อาเจียน ปัสสาวะ ตับ และไต เพื่อตรวจวิเคราะห์ TTX อาหารในกระเพาะเป็นชีววัตถุที่ดีสามารถตรวจได้ง่าย รองลงมาคือปัสสาวะ ส่วนวิธีวิเคราะห์ที่นิยมได้แก่วิธี mouse bioassay และ HPLC ซึ่งสามารถส่งตรวจได้ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ที่มา http://www.ifm.go.th
- lagafiaนักวางแผนพิชิตเกม
- จำนวนข้อความ : 3388
ชื่อเสียง&น้ำใจ : 88
งานอดิเรก : คิดเรื่อยเปื่อย
Re: พิษจากปลาปักเป้าและการบำบัด Puffer Poisoning (Tetrodotoxin) and Therapeutic
Wed Dec 07, 2011 5:04 pm
เคยได้ิอ่านอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆจ้า
- /Charcoal/ผู้รวบรวมความจริง
- จำนวนข้อความ : 2222
ชื่อเสียง&น้ำใจ : 171
วันเกิด : 02/03/1920
Re: พิษจากปลาปักเป้าและการบำบัด Puffer Poisoning (Tetrodotoxin) and Therapeutic
Mon Nov 12, 2012 7:28 pm
มาเข้าร่วมพันธมิตรฝ่ายมืดกับข้าซะเถอะ
This dice is not existing.
This dice is not existing.
- คิรัวร์นักล่าปริศนา
- จำนวนข้อความ : 807
ชื่อเสียง&น้ำใจ : 59
วันเกิด : 14/01/1992
งานอดิเรก : เล่นดนตรี อ่านหนังสือ เล่นคอม เล่นกีฬา
Re: พิษจากปลาปักเป้าและการบำบัด Puffer Poisoning (Tetrodotoxin) and Therapeutic
Mon Nov 12, 2012 8:24 pm
ท่า kiss >3< ไม่เคยมีพูดใดที่ได้เจอkissของดงเฮผู้นี้แล้วไม่ยอมสิโรราบ โฮะๆๆๆ
This dice is not existing.
This dice is not existing.
- Lightdramonผู้รวบรวมความจริง
- จำนวนข้อความ : 1674
ชื่อเสียง&น้ำใจ : 97
วันเกิด : 01/01/1992
งานอดิเรก : ดูอนิเม,ซีรีย์,ฟังเพลง,ดูทีวี,อ่านหนังสือ
Re: พิษจากปลาปักเป้าและการบำบัด Puffer Poisoning (Tetrodotoxin) and Therapeutic
Mon Nov 12, 2012 9:05 pm
Windy Blow!
This dice is not existing.
This dice is not existing.
- mimozaaนักท่องเที่ยวสุดขอบฟ้า
- จำนวนข้อความ : 277
ชื่อเสียง&น้ำใจ : 72
วันเกิด : 12/08/1998
งานอดิเรก : YY
Re: พิษจากปลาปักเป้าและการบำบัด Puffer Poisoning (Tetrodotoxin) and Therapeutic
Tue Nov 13, 2012 6:34 pm
หยุดนะ!!! อีโร่น้อยมาช่วยเเว้ว
This dice is not existing.
- bobonusนักล่าปริศนา
- จำนวนข้อความ : 679
ชื่อเสียง&น้ำใจ : 71
วันเกิด : 23/01/1995
งานอดิเรก : เข้าโรงเรียน
Re: พิษจากปลาปักเป้าและการบำบัด Puffer Poisoning (Tetrodotoxin) and Therapeutic
Thu Nov 15, 2012 12:47 pm
ย้ากกกกกก !!! จิ้มๆๆๆๆ จี้ๆๆๆ หิมะละลายยยย
This dice is not existing.
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|