EDS แคมป์ที่พักของสายลับหน้าใหม่
ยินดีต้อนรับเข้าสู่EDS แคมป์ที่พักของสายลับหน้าใหม่ สถานที่รวบรวมบุคคลหน้าแปลก เอ้ย แปลกหน้าที่รักการผจญภัย อยากรู้อยากเห็น และสนุกไปกับแชทกับผู้คนมากมาย ลองสมัครแล้วมาเป็นสมาชิกด้วยกันสิ ^ ^

Join the forum, it's quick and easy

EDS แคมป์ที่พักของสายลับหน้าใหม่
ยินดีต้อนรับเข้าสู่EDS แคมป์ที่พักของสายลับหน้าใหม่ สถานที่รวบรวมบุคคลหน้าแปลก เอ้ย แปลกหน้าที่รักการผจญภัย อยากรู้อยากเห็น และสนุกไปกับแชทกับผู้คนมากมาย ลองสมัครแล้วมาเป็นสมาชิกด้วยกันสิ ^ ^
EDS แคมป์ที่พักของสายลับหน้าใหม่
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Go down
/Charcoal/
/Charcoal/
ผู้รวบรวมความจริง
ผู้รวบรวมความจริง
จำนวนข้อความ : 2222
ชื่อเสียง&น้ำใจ ชื่อเสียง&น้ำใจ : 171
วันเกิด : 02/03/1920

อาวุธศึกษา (ปืนพก ๘๖ ขนาด ๑๑ มม.) Empty อาวุธศึกษา (ปืนพก ๘๖ ขนาด ๑๑ มม.)

Sun Aug 11, 2013 11:00 pm
ก่อนอื่นผมต้องขอพูดถึงกฎแห่งความปลอดภัย ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่ผู้ถือครองอาวุธปืนพึงระลึกไว้ตลอดเวลา
ต่อไปผมจะเอาหลักนี้มาขึ้นต้นในทุกโพสของผมที่เกี่ยวกับอาวุธปืน

กฎแห่งความปลอดภัย
  • พึงระลึกไว้เสมอว่าปืนทุกกระบอกมีลูกกระสุนบรรจุอยู่ ดังนั้นต้องทำการตรวจปืนทุกครั้งก่อนจับถือ
  • อย่าหันปากกระบอกปืนไปในทิศทางที่ยังไม่พร้อมจะทำการยิง (คน - สัตว์)
  • ไม่นำนิ้วเข้าโกร่งไกปืน จนกว่าจะพร้อมทำการยิง
  • ต้องมั่นใจในเป้าหมายและสิ่งที่อยู่รอบๆเป้าหมาย



ปืนพกแบบ ๘๖ ขนาด .๔๕ นิ้ว (๑๑ มม.)

อาวุธศึกษา (ปืนพก ๘๖ ขนาด ๑๑ มม.) Picture%5C1810255074639

  • กล่าวนำ
    • คุณลักษณะของ ปพ.๘๖
      ปพ.๘๖ ขนาด .๔๕ นิ้ว(๑๑ มม.) เป็นอาวุธประจำกาย, ทำงานด้วยการสะท้อนถอยหลังของลำกล้อง, ป้อนกระสุนด้วยซองกระสุน  สามารถทำการยิงได้ในแบบกึ่งอัตโนมัติโดยแก๊สอันเกิดจากการเผาไหม้ของกระสุนซึ่งยิงออกไปใช้ประโยชน์ในการทำให้ส่วนเคลื่อนที่ถอยไปข้างหลังเพื่อ
      • คัดปลอกกระสุน
      • ขึ้นนก
      • บังคับให้เลื่อนปืนถอยมาข้างหลัง

      ในขณะที่เลื่อนปืนถอยมาข้างหลัง ก็เกิดการอัดแหนบรับแรงถอย  ด้วยการทำงานขงแหนบรับแรงถอย จะบังคับให้เลื่อนปืนวิ่งกลับไปข้างหน้าและบรรจุกระสุนนัดต่อไปเข้าสู่รังเพลิง

      ปืนพก ๘๖ ป้อนกระสุนด้วยซองกระสุนซึ่งบรรจุได้ ๗ นัด  การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของเลื่อนปืนจะดันกระสุนนัดบนจาดซองกระสุนเข้ารังเพลิง, เมื่อยิงกระสุนนัดสุดท้ายในซองกระสุนออกไปแล้ว เลื่อนปืนจะถอยไปค้างอยู่ข้างหลังโดยมีสลักยึดลำกล้องขึ้นไปขัดเลื่อนปืนไว้  เมื่อกดเหล็กยึดซองกระสุน ซองกระสุนจะหลุดออกมาจากช่องสวมซองกระสุน  ถ้าสอดซองกระสุนซึ่งบรรจุกระสุนเต็มเข้าไปใหม่ และกดสลักยึดลำกล้องลง เลื่อนปืนจะวิ่งกลับไปข้างหน้า ปืนจะยิงต่ออไปได้อีก

      ความเร็วในการยิงมีขีดจำกัด ซึ่งขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ใช้ในการบรรจุซองกระสุนเข้าในปืนและความสามารถในการเล็งและลั่นไก
    • แบบของปืนพก ๘๖
      มี ๒ แบบ คือ
      • แบบ M ๑๙๑๑
      • แบบ M ๑๙๑๑ A ๑

      ปืนทั้ง ๒ แบบนี้ มีการทำงานเหมือนกัน ผิดกันตรงที่รูปร่าง  ซึ่งแบบ M ๑๙๑๑ A ๑ ได้ดัดแปลงแก้ไขให้เหมาะสม และสะดวกแก่การใช้ยิ่งขึ้นไปอีก มีดังนี้
      • หางห้ามไกช่วย สร้างให้ยื่นออกไปรับอุ้งมือยิ่งขึ้น
      • รอยตัดที่โครงปืน ได้ดัดแปลงให้สอดนิ้วเข้าหน้าไกได้สะดวก (สวมถุงมือยิงได้)
      • ไกด้านหน้า ทำให้เว้าสั้นกว่าเดิมและมีลายกันลื่น
      • เหล็กปิดท้ายโครงปืน โค้งออกมาและมีลายกันลื่นเพื่อให้แนบสนิทกับอุ้งมือ
      • ศูนย์หน้าขยายใหญ่กว่าเดิม

  • รายการทั่วไป
    - กว้างปากลำกล้อง .๔๕ นิ้ว(๑๑ มม.)มีเกลียว ๖ เกลียวเวียนซ้าย
    - ลำกล้องยาว๕.๐๓ นิ้ว
    - ปืนทั้งกระบอกยาว๘.๕๙๓ นิ้ว
    - ปืน, ซองกระสุนพร้อมด้วยกระสุน ๗ นัด หนัก๒.๔๓๗ ปอนด์
    - แรงเหนี่ยวไก๕ - ๖ ๑/๒ ปอนด์
    - กำลังกระทบในระยะ ๒๕ หลา๔๓.๔๐ ก.ก.
    - อำนาจทะลุทะลวงในระยะ ๒๕ หลา
    ไม้สนขาว๖.๐๐ นิ้ว
    ดินทราย ดินเปียก๑๐.๐๐ นิ้ว
    ทรายแห้ง ไม้อัดแน่น๘.๐๐ นิ้ว
    - ความเร็วในการยิงทางทฤษฎี๒๑ - ๒๘ นัด/วินาที
    - ความเร็วในการยิงหวังผล๑๐ นัด/วินาที
    - ระยะยิงไกลสุง(มุม ๓๐ ํ)๑,๖๔๐ หลา
    - ระยะยิงหวังผล๕๐ หลาลงมา
    - เกลียวเวียนซ้าย เพื่อแก้อาการเยื้องของการเหนี่ยวไก
  • กา่รถอดประกอบ
    • การถอดประกอบปกติ ถอดตามลำดับและจำนวนชิ้นส่วน ดังนี้
      • ซองกระสุน
      • ครอบแหนบรับแรงถอย
      • ปลอกบังคับแหนบรับแรงถอย
      • สลักยึดลำกล้องปืน
      • โครงปืนออกจากเลื่อนปืน
      • แกนแหนบรับแรงถอยจากด้านหน้า
      • แหนบรับแรงถอยจากด้านหน้า
      • ลำกล้องปืน
      • เลื่อนปืน

    • การถอดประกอบพิเศษ (สำหรับการซ่อมบำรุงโดยช่างประจำหน่วย)
      • ที่เลื่อนปืน
        • ถอดเหล็กปิดท้ายเข็มแทงชนวน
        • เข็มแทงชนวนและแหนบ
        • ขอรั้งปลอกกระสุน

        ข้อสังเกต ระวังการประกอบเหล็กปิดท้ายผิดทาง ต้องประกอบขอรั้งปลอกกระสุนก่น มิฉะนั้นอาจประกอบเหล็กปิดท้ายเข็มแทงชนวนไม่เข้า
      • ที่โครงปืน
        • ถอดห้ามไก
        • สลักเหล็กปิดท้ายโครงปืน
        • เหล็กปิดท้ายโครงปืน
        • ห้ามไกช่วย
        • แหนบกระเดื่องนกปืน (แหนบสามขา)
        • สลักนกปืน
        • นกปืน
        • สลักกระเดื่องนกปืน
        • กระเดื่องนกปืน
        • สลักปลดประเดื่องนกปืน
        • เหล็กยึดซองกระสุน
        • ไกและสะพานไก

    ข้อควรสังเกต
    • การประกอบจากลำดับหลังสุดไปหาลำดับแรก
    • ก่อนถอด - ประกอบห้ามไก ต้องขึ้นนกปืนก่อนทุกครั้ง
    • ชิ้นส่วนในเหล็กปิดท้ายโครงปืน ไม่ควรถอดออกโดยไม่จำเป็น
    • การถอดเหล็กยึดซองกระสุน ควรใช้ไขควงตัวเล็กมีขนาดเท่ากับหมุดเกลียวของเหล็กยึดซองกระสุน (ถ้าหากจำเป็นอาจใช้ปลายของแหนบห้ามไกช่วยถอดก็ได้)
    • ถ้าต้องการทำให้ไกปืนอ่อน ให้ดัดที่แกนแหนบเหล็กปลดกระเดื่องนกปืน และแหนบกระเดื่องนกปืน (ดัดขึ้น)

  • การระวังรักษาและการทำความสะอาด
    ความชื้นและเหงื่อที่มือเป็นสิ่งเร่งให้เกิดสนิมเร็วขึ้น หลังจากการฝึกหรือนำไปใช้ควรทำความสะอาดและป้องกันสนิมเสมอ ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้
    • ก่อนนำออกฝึกหรือก่อนการยิง
      • ทำความสะอาดลำกล้องและรังเพลิงโดยเช็ดน้ำมันออกให้หมด
      • ควรหยดน้ำมันหล่อลื่น ๒ - ๓ หยด ตามชิ้นส่วนเคลื่อนที่
      • ตรวจเครื่องนิรภัยและชิ้นส่วนของปืน
      • ตรวจซองกระสุน ทำความสะอาดและหล่อลื่นเล็กน้อย

    • ภายหลังการฝึกหรือหลังจากการยิง
      • ทำความสะอาดทันที โดยถอดปกติชำระล้างลำกล้อง แยงด้วยแปรงขนหนู
      • วิธีปฏิบัติต่อไป คงปฏิบัติเหมือนกับการทำความสะอาดอาวุธประจำกาย
      • ต้องทความสะอาดติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย ๓ วัน

    ข้อควรระวัง
    ภายหลังการยิง อย่าชโลมน้ำมันในลำกล้องก่อนที่จะชำระลำกล้องให้สะอาดและเช็ดแห้งแล้วเสียก่อน

    ข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้ปืนพก แบบ ๘๖
    • หลังจากการฝึกไม่ควรทิ้งปืนไว้โดยไม่ทำความสะอาด เพราะเมื่อเกิดการชรุดแล้วยากที่จะแก้ไข
    • ชโลมน้ำมันเพียงบางๆ
    • อย่าวางปืนลงบนพื้นที่มีฝุ่นละอองเพราะวัตถุดังกล่างอาจจะเข้าไปภายในลำกล้องและเครื่องกลไก
    • อย่าใช้เศษผ้าหรือวัสดุอื่นใด อุดปากลำกล้องเพราะอาจหลงลืมถอดออก ซึ่งจะทำให้ลำกล้องแตกหรือบวมเมื่อมีการยิง
    • ไม่ควรลั่นไกขณะทำการถอด
    • ควรใช้นิ้วชี้ลั่นไก  ถ้าใช้นิ้วกลาง นิ้วชี้จะลั่นส่วนเคลื่อนที่และกดสลักยึดลำกล้อง จะเป็นเหตุให้เลื่อนปืนถอยไม่สะดวก
    • เมื่อลั่นไกไปแล้วต้องปล่อยไก เพื่อให้เหล็กปลดกระเดื่องนกปืนขัดกับกระเดื่องนกปืนได้ใหม่
    • เมื่อจะเลิกบรรจุให้ถอดซองกระสุนก่อน
    • การสอดซองกระสุนเข้าปืน อย่ากระแทกแรงๆ เพราะจะทำให้ซองกระสุนสะท้อนออก และปากซองกระสุนอาจชำรุดได้ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ปืนติดขัดขณะทำการยิง
    • การเก็บปืนพกไว้ในซองหนังจะทำให้เป็นสนิมได้ง่ายเนื่องจากความชื้นของหนัง ฉะนั้นควรใช้ซองปืนที่แห้งสนิทจริงๆ ถ้าจำเป็นต้องเก็บ ปพ. ไว้ในซองหนังให้ชโลมน้ำมันหนาๆ

  • กระสุน
    กระสุนของ ปพ.๘๖ มี ๕ ชนิด คือ
    • กระสุนธรรมดา M ๑๙๑๑ ใช้สังหา่ร
    • กระสุนส่องวิถี T ๓๐ ใช้สังหารและทำสัญญาณ
    • กระสุนลูกปลาย M ๑๔ ใช้ล่าสัตว์เล็กมาเป็นอาหาร
    • กระสุนซ้อมรบ M ๙ ใช้ฝึก
    • กระสุนฝึกหัดบรรจุ M ๑๙๒๑

    ข้อสังเกต
    • กระสุนซ้อมรบ หัวกระสุนไม่ใช่โลหะ อาจเป็นกระดาษหรือไม้ก๊อก
    • กระสุนฝึกหัดบรรจุ ที่จานท้ายปลอกกระสุนไม่มีชนวน ข้างปลอกกระสุนมีรูเล็กๆ ป้ายสีแดง
    • กระสุนลูกปลายมีหัวตัด, คอปลอกกระสุนคอด  และถ้าจะให้มีการรั้งและคัดปลอกกระสุนชนิดนี้ ต้องปลดซองกระสุนก่อนทำการยิงทุกครั้ง

  • เครื่องนิรภัยของปืนพก
    เครื่องนิรภัยของปืนพก แบบ ๘๖ มี ๔ อย่างคือ
    • ห้ามไก
      วิธีตรวจ  ขึ้นนกปืนแล้วผลักห้ามไกขึ้นข้างบน กำด้ามปืนตามปกติแล้วเหนี่ยวไก ๒ - ๓ ครั้ง ถ้านกปืนสับ แสดงว่าห้ามไกชำรุด ต้องส่งซ่อม
    • ห้ามไกช่วย
      วิธีตรวจ  ง้างนกปืนอยู่ในท่าขึ้นนก อย่ากดห้ามไกช่วย ชี้ลำกล้องปืนลงดินเหนี่ยวไก ๓ - ๔ ครั้ง ถ้าห้ามไกช่วยจมลงด้วยน้ำหนักของตัวเองและสามารถลั่นไกได้ แสดงว่าห้ามไกช่วยชำรุด ให้ส่งซ่อม
    • การขึ้นนกขั้นที่ ๑
      วิธีตรวจ  ง้างนกปืนไปข้างหลังเกือบสุด แล้วค่อยๆปล่อยกลับคืนไปข้างหน้า บากขึ้นนกปืนเป็นบากแรกจะขัดกับแง่ที่กระเดื่องนกปืน เรียกว่า "ขึ้นนกปืนขั้นที่ ๑" หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ ขึ้นนกปืนขั้นที่ ๒(ใช้สำหรับยิง) แล้วใช้มือข้างที่ถนัดลั่นไก ก่อนลั่นไกใช้หัวแม่มืออีกข้างบังคับนกปืนไว้แล้วค่อยๆปล่อยให้นกปืนฟาดตัวไปข้างหน้าช้าๆ จนนกปืนไปขัดที่บากขึ้นนกปืนขั้นที่ ๑  จากนั้น จึงปล่อยไก แล้วทดลองเหนี่ยวไกดูใหม่ ถ้าหากสามารถลั่นไหได้แสดงว่านกปืนหรือกระเดื่องนกปืนชำรุด ต้องส่งซ่อม
      ข้อสังเกต  การลดนกปืนจากขั้นที่ ๒ ไปขั้นที่ ๑ ใช้ปฏิบัติเมื่อบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงแล้ว เป็นเครื่องนิรภัยว่าปลอดภัยดี แต่มีข้อควรระวังคือ
      • อาจหลงลืมเรื่องการบรรจุกระสุนอยู่ในรังเพลิง
      • นกปืนอาจฟาดตัวหลุดจากบากขึ้นนกปืนขั้นที่ ๑ ไปตีท้ายเข็มแทงชนวน ปืนอาจลั่นไก

    • เหล็กปลดกระเดื่องนกปืน
      วิธีตรวจ  ขึ้นนกปืนแล้วดึงเลื่อนปืนมาข้างหลัง ๑/๔ นิ้ว แล้วเหนี่ยวไก ขณะเหนี่ยวไก ให้ปล่อยเลื่อนปืนกลับ ถ้านกปืนฟาดตัวไปข้างหน้าได้แสดงว่าปลายบนของเหล็กปลดกระเดื่องนกปืนสึกให้เปลี่ยนใหม่  ถ้าหากนกปืนไม่ฟาดไปข้างหน้าให้ปล่อยนิ้วเหนี่ยวไกแล้วลั่นไกใหม่ นกปืนจะฟาดตัวไปข้างหน้าได้  ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหล็กปลดกระเดื่องนกปืนมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้นกปืนทำงานขณะที่นกปืนและลำกล้องยังไม่กลับเข้าที่ และขัดกลอนสนิม  นอกจากนั้นยังป้องกันมิให้ปืนยิงเป็นชุดอีก

  • การทำงานของเครื่องกลไก
    • เมื่อสอดซองกระสุนซึ่งบรรจุกระสุนไว้แล้วเข้าในช่องบรรจุซองกระสุน และดึงเลื่อนปืนมาข้างหลัง ๑ ครั้ง จะเกิดการทำงาน คือ อัดแหนบรับแรงถอยขึ้นนก  เมื่อเลื่อนปืนถอยพ้นปากซองกระสุน เหล็กรองกระสุนจะคัดกระสุนนัดบนขึ้นไปขวางทางเดินของเลื่อนปืน  เมื่อปล่อยเลื่อนปืน แหนบรับแรงถอยจะขยายตัวบังคับเลื่อนปืนให้วิ่งไปข้างหน้าชนกับจานท้ายกระสุนนัดบนเข้าไปในรังเพลิง  ทำให้ลำกล้องวิ่งไปข้างหน้าและกระดกขึ้น เพราะห่วงข้อต่อลำกล้องถูกดึงไว้ด้วยสลักยึดลำกล้อง  ทำให้ลำกล้องสูงขึ้นขัดกลอนกับเลื่อนปืนสนิท โดยมีสันบนลำกล้องเข้าไปอยู่ในร่องด้านในปืน เป็นการสิ้นสุดการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ปืนพร้อมทำการยิง
    • เมื่อวางปืนให้อยู่ในตำแหน่งขึ้นนก นกปืนหงายมาข้างหลัง  คันผลักนกปืนจะดันแหนบนกปืนให้อัดตัว  แหนบกระเดื่องนกปืนอันยาว(แหนบ ๓ ขา) จะดันล่างของกระเดื่องนกปืนไปข้างหน้า  ปลายกระเดื่องนกปืนเข้าขัดในบากที่ ๒ ของนกปืน(บากแรกถ้าขัดกับกระเดื่องนกปืนเป็นการขึ้นนกขั้นที่ ๑)  นกปืนจึงค้างอยู่ข้างหลัง และเมื่อจะยิงต้องกระทำดังนี้
      • บีบที่ห้ามไกช่วย เป็นการกดโดยอุ้งมือที่จับปืน ทำให้ห้ามไกหมุนตัวบนสลักแง่ในของห้ามไกช่วย จึงพ้นจากลักษณะที่ยันสะพานไกไว้  สะพานมีที่ว่างถอยมาข้างหลังตามแรงเหนี่ยวไกได้
      • เลื่อนปืนขัดกลอนสนิทกับลำกล้องปืน  ปลายบนเหล็กปลดกระเดื่องนกปืนจะโผล่ขึ้นในช่องที่เลื่อนปืน ตอนท้ายเหล็กปลดกระเดื่องนกปืนจะถูกดันขึ้นตลอดเวลา ด้วยแหนบเหล็กปลดกระเดื่องนกปืน(แหนบ ๓ ขาอันกลาง)  รูสลักเหล็กปลดกระเดื่องนกปืนเป็นวงรียาวเหมือนตัว(O) ขึ้นลงได้ด้วยรูสลัก  ถ้าปลายบนของเหล็กปลดกระเดื่องนกปืนขึ้นไปโผล่ที่ช่องที่เลื่อนปืนได้ เหล็กปลดกระเดื่องนกปืนชนกับกระเดื่องนกปืนข้างล่าง  ทำให้กระเดื่องนกปืนหมุนตัวบนสลัก ปลายบนกระเดื่องนกปืนจะหลุดจากบากที่ ๒ ของนกปืนฟาดตัวสับลงได้  ถ้าเหล็กปลดกระเดื่องนกปืนไม่โผล่ที่เลื่อนปืน  เมื่อเหนี่ยวไกเสร็จ สะหานไกจะชนกับเหล็กปลดกระเดื่องนกปืน แต่อยู่ต่ำๆป ไม่สูงพอ  เหล็กปลดกระเดื่องนกปืนจะไม่ติดและไม่ดันต่อกระเดื่องนกปืน  ปลายบนกระเดื่องนกปืนจะไม่หลุดจากบากนกปืน นกปืนจะไม่สับลง
      • ตาม 2 ถ้าเหนี่ยวไป นกปืนเป็นอิสระ  แหนบนกปืนขยายตัวดันให้นกปืนผาดตัวลงตีท้ายเข็มแทงชนวน(เข็มแทงชนวนมีแหนบบังคับอยู่ตลอดเวลาไม่ให้วิ่งไปชนกับชนวนท้ายกระสุนได้ นอกจากถูกตีจากนกปืน) ที่จานท้ายกระสุนทำให้เกิดระเบิดขึ้นในรังเพลิงกลายเป็นแก๊สขับดันให้ลูกกระสุนวิ่งหมุนตามเกลียวออกไปจากลำกล้อง  แรงดันแก๊สด้านหลังจะดันปลอกกระสุนและดันต่อหน้าเลื่อนปืน ทำให้เลื่อนปืนและลำกล้องถอยหลังมาพร้อมกัน ๒ ซม.  สลักยึดลำกล้องจะดึงห่วงข้อต่อลำกล้องไว้ ทำให้ลำกล้องต่ำลง  ท้ายลำกล้องแยกออกจากเลื่อนปืน(ปลดกลอน) ลำกล้องจะหยุดในตำแหน่งต่ำสุด  เลื่อนปืนคงถอยต่อไป ทำให้ท้ายรังเพลิงเปิด, รั้งและคัดปลอกกระสุนออก, อัดแหนบรับแรงถอย, ขึ้นนก, เมื่อเลื่อนปืนถอยมาข้างหลังสุดแล้ว กระสุนนัดใหม่จะถูกดันขึ้นมาสูงสุด เพื่อรอการบรรจุต่อไป  เมื่อเลื่อนปืนวิ่งกลับเข้าไปข้างหน้าด้วยแรงส่งของแหนบรับแรงถอยก็บรรจุกระสุนนัดใหม่เข้าสู่รังเพลิง  เริ่มต้นวงรอบการยิงใหม่
      • ลูกกระสุนมีความเร็ว จะวิ่งพ้นปากลำกล้องไปก่อนที่เลื่อนปืนและลำกล้องจะถอยมาข้างหลังถึงตำบลปลดกลอน  เป็นการถ่วงเวลามิให้รังเพลิงเปิดก่อน  ขณะเดียวกัน เลื่อนปืนจะมีแรงดันของแหนบรับแรงถอย และแหนบนกปืนดันไว้อีก  เพื่อป้องกันอันตรายจากแก๊สท้ายรังเพลิงที่จะเกิดกับผู้ยิง
      • การทำงานตาม 4 ยังให้ความแน่นอนในการทำงานของปืนอีกด้วย  เมื่อลำกล้องปลดกลอนแล้วจะหยุดอยู่กับที่  เลื่อนปืนยังคงถอยต่อไปด้วยแรงเฉื่อยจนสุด แล้วเคลื่อนที่มาข้างหน้าใหม่  ทำให้ปืนพร้อมที่จะยิงนัดใหม่ต่อไปได้อีก  เหล็กปลดกระเดื่องนกปืนยังป้องกันไม่ให้ปืนยิงเป็นอัตโนมัติอีกด้วย
      • เมื่อกระสุนหมดซอง แหนบเหล็กรองกระสุนไปดันสลักยึดลำกล้องปืน กระดกขึ้นไปขัดกับบากด้านซ้ายของเลื่อนปืน  ทำให้เลื่อนปืนถูกยึดค้างอยู่ข้างหลัง ให้ผู้ยิงทราบว่ากระสุนหมดซอง ให้เปลี่ยนซองกระสุนใหม่  การจะปล่อยเลื่อนปืนให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า เพื่อบรรจุกระสุนนัดใหม่ ให้กดตรงลายกันลื่นของสลักยึดลำกล้องปืนลง
      • เมื่อจะห้ามไก ให้ดันแผ่นห้ามไกขึ้นในตำแหน่งห้ามไก หลังจากขึ้นนกแล้วห้ามไกจะขัดกับบากที่เลื่อนปืน  ทำให้เลื่อนปืนเคลื่อนที่ไม่ได้ประการหนึ่ง  อีกประการหนึ่งแกนห้ามไปส่วนเต็มจะหมุนมาขวางกระเดื่องนกปืนไม่ให้หลุดจากบากที่ ๒ ของนกปืน  นกปืนจึงฟาดตัวลงไม่ได้  เมื่อเปิดห้ามไกส่วนเว้าจะควงกับกระเดื่องนกปืน ทำให้มีที่ว่าง  กระเดื่องนกปืนจะหมุนตัว  ปลายบนพ้นจากบากที่ ๒ ของนกปืน  นกปืนเป็นอิสระฟาดตัวไปข้างหน้าตีเข็มแทงชนวน เกิดการทำงานขึ้นอีก เป็นวงรอบเช่นนี้จนกว่ากระสุนจะหมดซอง

  • การฝึกยิงเบื้องต้น
    • "การถือปืนพก" ใช้คำบอกว่า "ถือปืนพก" คือใช้มือที่ถนัดถือปืน ๓ นิ้ว กำรอบด้ามปืน  นิ้วชี้ขนานกับลำกล้อง  ยกปืนเสมอแนวไหล่(ฝ่ามือ)
    • "ปลดซองกระสุน" ให้พลิกลำกล้องออกจากตัวเล็กน้อย โดยไม่ต้องลดมือที่จับปืน  ถ้าใช้มือขวาถือปืน ก็ใช้หัวแม่มือขวากดเหล็กที่ยึดซองกระสุน ถ้าใช้มือซ้ายถือปืน ต้องใช้มือขวากดเหล็กที่ยึดซองกระสุน และใช้อุ้งมือที่มิได้กำปืนรองซองกระสถนไว้ด้วย  เมื่อปลดซองออกแล้วจึงนำมาเหน็บไว้ที่เข็มขัด
    • "เปิดรังเพลิง"(ปืนต้องไม่มีซองกระสุน)
      วิธีปฏิบัติ คว่ำมือที่ไม่ได้กำปืน หัวแม่มือและนิ้วชี้เข้าหาตัว  จับเลื่อนปืนตรงลายกันลื่น ดึงเลื่อนปืนลงจนสุด  ถ้ากำปืนด้วยมือขวา ใช้หัวแม่มือดึงสลักยึดลำกล้อง  ถ้าใช้มือซ้ายกำปืน ให้ใช้นิ้วนางหรือนิ้วก้อยขวาดันสลักยึดลำกล้องขึ้นขัดกับบากที่เลื่อนปืน  ขณะปฏิบัติต้องไม่ลดปืนลงเลย
    • "ปิดรังเพลิง" ใช้หัวแม่มือขวา(หรือนิ้วชี้มือขวา เมื่อใช้มือซ้ายจับปืน) กดสลักยึดลำกล้องปืนลง ทำให้เคลื่อนปืนเคลื่อนที่ไปข้างหน้า (ต้องฝึกห้ามไกปืนทุกครั้งที่เปิดรังเพลิง) และอยู่ในท่าถือปืนพกตลอดเวลา
    • "บรรจุกระสุน" เบนลำกล้องออกนอกตัวทางข้างโดยไม่ลดปืนลง  ใช้มือที่ว่างหยิบซองกระสุนที่เอวสอดเข้าในช่องใส่ซองกระสุน ดันเข้าไป
    • "บรรจุ" (หมายถึงนำซองกระสุนเข้าสู่รังเพลิง โดยมากมักจะมีคำบอกว่า หนึ่งซองจำนวนนัด หรือ จำนวนนัดหนึ่งซอง นำหน้าคำบอกว่า "บรรจุ" ก่อนเสมอ) ถ้ายังมิได้บรรจุซองกระสุนก็ให้ใส่ซองกระสุนเข้าที่ปืนก่อน  ถ้าบรรจุซองกระสุนแล้วก็เพียงแต่ดึงเลื่อนปืนขึ้นมาข้างหลังแล้วปล่อยกลับ หรือกดสลักเหล็กยึดซองกระสุน ปล่อยเลื่อนปืนไปข้างหน้าแล้วห้ามไก
    • "เลิกบรรจุ" ให้เปิดรังเพลิงแล้วปลดซองกระสุนออก วางแนบไว้บนฝ่ามือที่มิได้ถือปืน ยกขึ้นระดับเข็มขัด ภายหลังการตรวจปิดรังเพลิง ลั่นไกในท่าถือปืนพก แล้วบรรจุซองกระสุนเข้าปืน คอบฟังคำสั่งต่อไป
    • "เก็บปืนพก" ให้ลดปืนลง นำปืนเก็บไว้ในซองปืนแล้วอยู่ในท่าตรง

  • ท่ายิง
    ท่ายิง ปพ.๘๖ ตามปกติมีเพียงท่าเดียว คือ ท่ายืนยิง  ท่าฝึกยิงปืนพกตามทำนงรบมี ๓ ท่า คือ
    • ท่านอนยิง  จับปืนสองมือใช้ยิงในระยะ ๕๐ หลา หรือกว่านั้น
    • ท่านั่งคุกเข่ายิง จับปืนสองมือใช้ยิงในระยะ ๒๕ - ๕๐ หลา
    • ท่ายืนย่อตัวยิง จับปืนมือเดียว(แต่หากยังไม่ชำนาญให้จับสองมือ เพื่อให้จับได้อย่างมั่นคงกันไม่ให้ปืนสะบัดหลุดมือ) ใช้ยิงในระยะประชิด ประมาณ ๒๕ หลา

    ข้อแนะนำ  การจับปืนพกเพื่อทำการยิงนั้น ผู้ยิงจะต้องฝึกให้เคยชินเกี่ยวกับการจับปืน โดยเฉพาะการจับที่ถูกต้อง เพราะ ปพ.๘๖ ตามปกติมีอาการสะบัดมากกว่าปืนชนิดอื่นๆ ซึ่งพอสรุปเป็นข้อปฏิบัติดังนี้
    • จับเลื่อนปืนหันด้ามปืนเข้าหามือที่ใช้ยิง  พยายามให้ด้านหลังอยู่ที่กึ่งกลางของรอยพับระหว่างหัวแม่มือกับนิ้วชี้
    • นิ้วที่กำด้ามปืน ๓ นิ้ว รูดชิดใต้โกร่งไกเข้าด้ามปืน
    • กำปืนแน่นพอประมาณ  ถ้ายิงจังหวะช้าจับแน่นขึ้น(แต่อย่าเกร็ง) ถ้าหากเป็นการยิงเร็ว นิ้วชี้ต้องเป็นอิสระจริงๆ
    • นิ้วหัวแม่มือที่กำปืนตั้งขึ้น อย่างน้อยเท่ากับระดับของโคนนิ้วชี้ที่ใช้ลั่นไกปืน แต่ไม่สูงจนเลยแผ่นห้ามไกช่วย เพราะจะทำให้มือไม่กดห้ามไกช่วย ปืนจะลั่นไกไม่ได้
    • ในการยิงจังหวะเร็ว ควรล็อคข้อศอกและหัวไหล่เพื่อให้ปืนกลับเข้าที่เร็วขึ้น และไม่ทำให้เส้นเล็งเสียไปบางนัด(การเล็งตรง)
    • ลำตัวของผู้ยิงควรทำมุมกับแนวยิงหรือแนวเป้าประมาณ ๔๕ องศา แต่ไม่ควรเกิน ๙๐ องศา

    สำหรับท่ายิงนี้ ไม่ถือว่าเป็นกฎตายตัวว่าทุกคนต้องปฏิบัติเหมือนกันทั้งหมด เพราะรูปร่าง, ขนาด และความถนัดของแต่ละบุคคลย่อมไม่เหมือนกัน ผู้ยิงควรค้นคว้าแก้ไขไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ท่าทางที่เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของตน  แต่อย่างไรก็ตาม ในขั้นแรกของการฝึกนั้นไม่ควรจะทิ้งหลักการดังกล่าว
  • เป้า ของ ปพ.๘๖ มี ๒ ประเภท คือ  ประเภทเป้าหุ่นและประเภทเป้าปืนพก
    • ประเภทเป้าหุ่นมี ๓ ชนิด คือ
      • เป้าหุ่น ก (เป้าหุ่นนอน)
      • เป้าหุ่น ข (เป้าหุ่นนั่ง)
      • เป้าหุ่น ค (เป้าหุ่นยืน)

    • ประเภทเป้าปืนพก มี ๒ ชนิด คือ
      • เป้า ปพ. ก ใช้สำหรับฝึกยิง ปพ.๘๖ ในระยะไม่เกิน ๒๕ เมตร
      • เป้า ปพ. ข ใช้สำหรับฝึกยิง ปพ.๘๖ ในระยะเกินกว่า ๒๕ - ๕๐ เมตร

  • สรุป
    ปพ.๘๖ เป็นอาวุธที่มีลำกล้องสั้นกว่าชนิดอื่น และนายทหารสัญญาบัตรส่วนมากมีไว้เพื่อใช้ประจำตัว  ฉะนั้น ผู้มีไว้เพื่อป้องกันตนเอง จึงควรมีความรู้ความสามารถในการใช้พอสมควร ซึ่งมีข้อควรระลึกและควรปฏิบัติดังนี้
    • เกลียวของ ปพ.๘๖ มีลักษณะเวียนซ้าย ผิดกับอาวุธชนิดอื่น ซึ่งเวียนขวา
    • กระสุนและลำกล้องมีขนาดกว้างกว่าอาวุธประจำกายชนิดอื่น ทำให้ปืนมีอาการสะบัดเมื่อทำการยิง เพราะหน้าตัดลูกกระสุนกว้างมีแรงเสียดทานกับลำกล้องที่สั้นมาก
    • ซองกระสุนต้องระวังอย่าให้ปากซองกระสุนผิดรูปด้วยการทำหล่น  บรรจุกระสุนด้วยการตบแรงเกินควร และอื่นๆ เพราะจะทำให้ปืนติดขัดขณะทำการยิง
    • ต้องตรวจเครื่องนิรภัยของปืนทุกครั้งที่นำออกใช้
    • กระสุนลูกปราย ถ้าจะให้มีการคัดปลอก ต้องปลดซองกระสุนออกก่อนทำการยิง
    • อย่าประมาท เช่น เล็งปืนและลั่นไกไปยังที่ไม่ปลอดภัย
    • ในการฝึก ต้องจัดให้มีครู ผู้ช่วยครูมากพอสมควร โดยเฉพาะการยิงปืนในสนาม เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
    • ถ้าฝึกเล็งและลั่นไกบ่อยๆ จะทำให้ผู้ฝึกยิงปืนได้ผล ถึงแม้ว่าจะไม่มีกระสุนซ้อมยิงก็ตาม


ที่มา : เอกสารการสอน วิชาอาวุธศึกษา
ขึ้นไปข้างบน
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ